ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา
ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษาเป็นประเพณีที่กระทำกันตั้งแต่โบราณกาล จนกระทั่งทุกวันนี้ การหล่อเทียนเข้าพรรษามีอยู่เป็นประจำทุกปี
ในการเข้าพรรษานี้ พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำฉันตรทุกเช้าค่ำ และในการนี้จะต้องมีธูปเทียนบูชาด้วย
พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษา สำหรับให้พระภิกษุจุดบูชาเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่งในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงส์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว
เมื่อหล่อเสร็จแล้วก็มีการแห่แหนตามประเพณีรอบพระอุโบสถ เวียน ๓ รอบแล้วนำไปจุดบูชาพระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน
ตามชนบท การหล่อเทียนเข้าพรรษา ทำกันอย่างเอกเกริกสนุกสนานมาก บางแห่งมีการประกวดการตกแต่งประเภทต่างๆ
การให้ทานด้วยแสงสว่าง ก็เป็นอนิสงส์อย่างหนึ่งไม่แพ้การบุญการกุศลใดๆทั้งสิ้น
ประเพณีถวายผัาอาบน้ำฝน
ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน เป็นประเพณีมาตั้งแต่โบราณกาล ในครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๗ ไปจนถึงเดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แล้วทรงอนุญาตนุ่งห่มได้ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๕ ไป และห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์แสวงหาผ้านุ่งห่มเลยไปจากทรงอนุญาติไว้
ผ้าอาบน้ำฝน เป็นอุปกรณ์สำคัญในการดำรงชีพของสมณะทั้งหลาย ดังนั้น ผู้ที่นำไปถวายจึงได้ชื่อว่าได้เกื้อกูลพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
พิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน
๑.เมื่อถึงวันกำหนดแล้ว พึงประชุมพร้อมกันตามสถานที่ที่ได้กำหนดไว้ จะเป็นพระอุโบสถ หรือศาลาการเปรียญ นำผ้าอาบน้ำฝนที่ทายกนำมาถวายรวมไว้ในที่เฉพาะหน้า แล้วแจกสลากให้ติดไว้ที่ของถวาย ปกติก็มีผ้าอาบน้ำฝน ๑ ผืน และ ของถวายอย่างอื่นเป็นบริวาร เช่น ร่ม พุ่มเทียน ไม้ขีด สบู่ ยาสีฟัน กระดาษชำระ ฯลฯ
๒.เมื่อพระสงฆ์ลงประชุมเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวคำถวาย
๓.เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จแล้ว เจ้าของผ้าประเคนผ้าแก่พระภิกษุผู้จับได้สลากของตนเป็นรายๆไป
๔.เสร็จการประเคนแล้ว พระสงฆ์อนุโมทนา ทายกกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น